ความว่า : จากอบู อับดิลลาฮ์ นั่นคือ ญาบิร อิบนุ อับดุลลอฮ์ อัลอ-อันศอรีย์ เราะดิยัลลอฮ์อันฮุ
เล่าว่า : มีชายคนหนึ่งได้ถามท่านเราะสูลุลลอ ( ซ.ล ) ว่า " ท่านมีความเห็นอย่างไรเมื่อฉันได้ละหมาด
ฟัรฎู ฉันได้ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน ฉันอนุมัติสิ่งที่อนุมัติ ฉันห้ามสิ่งที่ต้องห้าม และฉันไม่ได้
ปฏิบัติเพิ่มใดๆ จากสิ่งเหล่านั้น ฉันจะได้เข้าสวรรค์ไหม? " ท่านนบีตอบว่า " ใช้ "
หะดีษบันทึกโดย มุสลิม ความหมายของประโยค " ฉันห้ามในสิ่งที่ต้องห้าม " คือฉันหางไกล
จากสิ่งที่ต้องห้าม และความหมายของประโยค " ฉันอนุมัติสิ่งที่อนุมัติ " คือฉันกระทำสิ่งที่อนุมัติ
โดยมีความเชื่อย่างแน่วแน่ถึงการอนุมัติของมัน
วากีอ๊ะ บิลลี่หมิด
วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557
เมื่อไรอนุญาติให้หลั่งเลือดมุสลิมได้
ความว่า : จากอิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮ์อันฮุเล่าว่า : ท่านเราะสูลุลลอฮ์ ( ซ.ล ) กล่าวว่า :
" เลือดเนื้อของมุสลิมคนหนึ่งไม่เป็นที่อนุมัติ ( คือห้ามมิให้ละเมิด ) นอกจากหนึ่งในสาเหตุ
สามประการคือ : ผู้แต่งงานที่ผิดประเวณี และชีวิตชดเชยด้วยชีวิต ( คือห้ามประหารฆาตกร
ตามเหยื่อที่ถูกฆ่า ) และผู้ที่ละทิ้งศาสนา ( อิสลาม ) ของเขา แตกกแยกออกจากยามาอะฮ์
( ประชาคมมุสลิม ) " บันทึกโดย อัลบุคคอรี เเละมุสลิม
" เลือดเนื้อของมุสลิมคนหนึ่งไม่เป็นที่อนุมัติ ( คือห้ามมิให้ละเมิด ) นอกจากหนึ่งในสาเหตุ
สามประการคือ : ผู้แต่งงานที่ผิดประเวณี และชีวิตชดเชยด้วยชีวิต ( คือห้ามประหารฆาตกร
ตามเหยื่อที่ถูกฆ่า ) และผู้ที่ละทิ้งศาสนา ( อิสลาม ) ของเขา แตกกแยกออกจากยามาอะฮ์
( ประชาคมมุสลิม ) " บันทึกโดย อัลบุคคอรี เเละมุสลิม
ส่วนหนึ่งจากความสมบูรณ์ของการศรัทธา
ความว่า: จากท่านอบู หัมซะฮ์ นั่นคือ ท่านอานัสอิบนุ มาลิก เราะฎิยันลอฮ์อันฮุ ผู้รับใช้ของท่าน
รอซูลุลลอฮ์ ( ซ.ล ) จากท่านนบี (ซ.ล) ท่านกล่าวว่า : " ผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่พวกท่าน จะยังไม่ศรัทธา
( โดยสมบูรณ์ ) จนกว่าเขาจะรักพี่น้องของเขาเอง " หะดีษบันทึกโดย ( อัลบุคคอรี )
รอซูลุลลอฮ์ ( ซ.ล ) จากท่านนบี (ซ.ล) ท่านกล่าวว่า : " ผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่พวกท่าน จะยังไม่ศรัทธา
( โดยสมบูรณ์ ) จนกว่าเขาจะรักพี่น้องของเขาเอง " หะดีษบันทึกโดย ( อัลบุคคอรี )
วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ความละอายเป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา
จากท่านอบู มัสอูด นั่นคืออุกบะฮ. อิบนุ อัมร์ อัล-อันศอรีย์ อัล-บัดรีย์ เราะฎิยันลอฮุอันฮุ
เล่าว่า : " ท่านเราะสูลุลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า : "แท้จริง ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่มนุษย์ได้รับรู้จาก
คำพูดของบรรดาศาสนฑูตก่อนๆ คือ คติที่ว่า หากท่านไม่มีความละอายแล้ว ก็จงทำตามสิ่งที่
ประสงค์เถิด "
บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์
เล่าว่า : " ท่านเราะสูลุลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า : "แท้จริง ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่มนุษย์ได้รับรู้จาก
คำพูดของบรรดาศาสนฑูตก่อนๆ คือ คติที่ว่า หากท่านไม่มีความละอายแล้ว ก็จงทำตามสิ่งที่
ประสงค์เถิด "
บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์
วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ละหมาด
จากอบูกอตาดะฮ์ บินริบอี (รอฎิยัลลอฮุอัลฮู) เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ.ล)
กล่าวว่า อัลลอฮุตะอาลาดำรัสว่า : ข้าได้กำหนดเป็นข้อบังคับแก่ประชากร (อุมมะฮ์)
ของเจ้าให้ละหมาดห้าเวลาและเขาจะได้สัญณาว่าบุคคลใดมาหาข้าในสภาพที่เขาระวัง
รักษาละหมาดเหล่านี้ในเวลาของมันข้าจะให้เขาได้เข้าสวรรค์และผู้ใดไม่ระวังรักษาละหมาด
เหล่านี้ก็ไม่มีสัญญารับรองใดๆสำหรับข้า (เขาอาจจะได้รับการอภัโทษหรือถูกลงโทษก็ได้)
(อบูดาวุด)
กล่าวว่า อัลลอฮุตะอาลาดำรัสว่า : ข้าได้กำหนดเป็นข้อบังคับแก่ประชากร (อุมมะฮ์)
ของเจ้าให้ละหมาดห้าเวลาและเขาจะได้สัญณาว่าบุคคลใดมาหาข้าในสภาพที่เขาระวัง
รักษาละหมาดเหล่านี้ในเวลาของมันข้าจะให้เขาได้เข้าสวรรค์และผู้ใดไม่ระวังรักษาละหมาด
เหล่านี้ก็ไม่มีสัญญารับรองใดๆสำหรับข้า (เขาอาจจะได้รับการอภัโทษหรือถูกลงโทษก็ได้)
(อบูดาวุด)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)